บทความที่คล้ายกัน
-
หัตถการกักน้ำมันร้อน (Oil poultice) ทางการแพทย์แผนไทย
เวชกรรมไทย ·3 พ.ค. 2567
-
สมุนไพร ยาไทย ใช้ได้ทุกฤดู
เวชกรรมไทย ·5 ก.ค. 2565
-
กินหมูดิบ อาจเป็นมากกว่าไข้หูดับ
เวชกรรมไทย ·2 ก.ค. 2564
-
แมลงก้นกระดก ตัวเล็กแต่แสบร้อน
เวชกรรมไทย ·22 มิ.ย. 2564
-
โรคที่มากับปลายฝนต้นหนาว
เวชกรรมไทย ·14 ธ.ค. 2563
อาการตาล้า บรรเทาได้ด้วยสมุนไพร
จากช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID 19 ทำให้หน่วยงานต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นแบบ Work from home รวมทั้งการเรียนการสอนของนักเรียน นักศึกษาก็มีการปรับเป็นการสอนออนไลน์เกือบทั้งหมด ทำให้ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันและระยะเวลานาน ซึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของใครหลายๆ คน โดยอาการที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ คือ อาการตาล้า ตาแห้ง โดยวันนี้ผมจะมาแนะนำการดูแลสุขภาพดวงตาด้วยสมุนไพรไทยกันแบบง่ายๆ และสามารถทำได้เพื่อบรรเทาอาการตาล้า
อาการตาล้า หรือ Asthenopia คือ ภาวะที่ดวงตาอ่อนล้าจากการผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก หรือมีการใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งภาวะดังกล่าวนี้ มีระดับอาการที่ไม่รุนแรงถึงแก่ชีวิต แต่จะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก โดยอาการตาล้าที่เกิดขึ้น สามารถสังเกตได้จากอาการเด่น ๆ ที่มักพบได้บ่อย ได้แก่ ปวดตา ปวดกระบอกตา หรือบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ร่วมกับมีภาวะตาแห้ง เกิดการระคายเคืองตา คันตาหรือแสบตา มีน้ำตาไหลออกมาบ่อยๆ ตาเบลอ มองไม่ชัดเจน ดวงตามีความไวต่อแสง มองเห็นภาพซ้อน บางรายอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น วิงเวียนศีรษะ ปวดไมเกรน รู้สึกอยากอาเจียน ภาวะบ้านหมุน กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก หรือปวดคอ บ่า ไหล่
ทางการแพทย์แผนไทย ดวงตา เป็นหนึ่งในอวัยวะของร่างกาย เรียกว่า จักษุมังสัง มีเส้นประธานสิบควบคุม คือ เส้นสหัสรังษี (จักษุซ้าย) และเส้นทวารี (จักษุขวา) โดยอาการที่เกิดขึ้นกับเส้นทั้ง 2 นั้น เป็นอาการที่เกิดจากลมประจำเส้น ประกอบด้วย เส้นสหัสรังษี ชื่อ ลมอัคนิวาตคุณ (ลมจักขุนิวาต) ส่วนเส้นทวารี ชื่อ ลมทิพจักษุ ซึ่งหากมีความผิดปกติ มักทำให้มีอาการเจ็บกระบอกตา ปวดตามาก วิงเวียน ตาพร่า ลืมตาลำบาก ทำให้ตาพร่ามองไม่เห็น มองไม่ชัดเจน และหากเส้นทวารีพิการเรื้อรังทำให้เกิดลมปัตคาตตามมา
ซึ่งปัจจัยของอาการตาล้า เกิดจากการใช้สายตาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการตาแห้ง โดยการใช้สายตา เป็นการใช้ความร้อนอย่างหนึ่ง ซึ่งตามกลไกร่างกายจะมีการหลั่งน้ำหล่อเลี้ยงหรือน้ำตา (อัสสุ) ออกมาเลี้ยงดวงตาไม่ให้แห้ง แต่หากเราเพ่งหรือจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้ความชุ่มชื้นหรือน้ำตาแห้งไป ส่งผลให้เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง การระคายเคืองตา ร้อนบริเวณหนังตา ปวดตา หรือมีภาวะตาแดงร่วมด้วย เนื่องจากเมื่อมีความร้อนมากขึ้น กระทบทำให้ความชุ่มชื้นหรือน้ำแห้งลง ส่งผลให้เกิดการคั่งค้างของลมประจำเส้นดังกล่าว ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา
การดูแลดวงตานั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในยุคระบบออนไลน์ เนื่องจากเราต้องใช้สายตาในการทำงานมากขึ้น ในทางการแพทย์แผนไทย มีหัตถการอย่างหนึ่งที่ช่วยในการบรรเทาอาการตาล้าได้ คือ “การพอกตาด้วยสมุนไพร” โดยการนำสมุนไพรรสเย็นมาผสมกับน้ำสะอาด แล้วนำไปพอกบริเวณหลังตา โดยสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้บรรเทาอาการ คือ ผงฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรขมเย็นที่เป็นที่รู้จักกันดีในการช่วยบรรเทาอาการ COVID สำหรับการพอกตานั้น ให้นำผงฟ้าทะลายโจร 1 ช้อนโต๊ะ (หรือ 2-4 แคปซูล แกะแคปออกเอาแต่ผงยา) มาผสมกับน้ำให้เข้ากัน ให้พอข้น ไม่เหลวจนเกินไป โดยนำยาที่เตรียมไว้วางลงบนผ้าก๊อซหรือสำลีแบบแผ่น แล้วนำไปวางทับบริเวณหนังตาขณะหลับตา เป็นเวลา 15-20 นาที ความเย็นของสมุนไพรจะช่วยดูดซับความร้อนและดึงความร้อนที่ค้างบริเวณดวงตา ทำให้รู้สึกสบาย ช่วยบรรเทาอาการตาล้า ปวดตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดวงตา โดยก่อนหรือหลังจากการพอกอาจมีการเพิ่มการกดจุดหัวคิ้ว แนวไรผม กดรีดแนวหน้าผาก และกดจุดขมับ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของลม ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และทำให้รู้สึกโล่งมากขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการดูแลสุขภาพดวงตาที่ผมเอามาฝากในวันนี้ ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ ในปัจจุบัน และมีโอกาสเกิดได้กับทุกคน ซึ่งดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก หากเราไม่ดูแลดวงตาของเราแล้วเราจะมองเห็นสิ่งสวยงามของทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ได้อย่างไร วันนี้ผมก็ของลาไปเพียงเท่านี้ คราวหน้าจะนำข้อมูลดีๆ มาฝากกันอีก รอติดตามนะครับ ...ขอบคุณครับ...
บทความโดย: แพทย์แผนไทยบดินทร์ ชาตะเวที นักวิทยาศาสตร์สุขภาพ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์