ประวัติการจัดตั้ง

การแพทย์แผนไทยเป็นการแพทย์ที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่อดีต

นับจากการมีประวัติศาสตร์ของชาติไทยมีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นการแพทย์ที่อาศัยความรู้และภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้ทดลองปฏิบัติจริงแล้วได้ผลสะสมถ่ายทอดสืบต่อกันมาแม้ว่าในระยะหลังการแพทย์แผนไทยจะถูกแทนที่ด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันและถูกละเลยแต่การแพทย์แผนไทยก็ยังไม่สูญหายไปจากสังคมไทย ทั้งนี้เนื่องจากการแพทย์แผนไทยยังเป็นที่ต้องการเพื่อใช้ในการรักษา ดูแลสุขภาพของคนไทยส่วนหนึ่ง และมีการศึกษาถ่ายทอดโดยหมอแผนโบราณทั้งในรูปส่วนบุคคลและในรูปขององค์กรเอกชนในลักษณะของชมรมหรือสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และเภสัชกรรมไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำของภาคใต้ มีปณิธานที่จะ เป็นที่พึ่งของสังคม ได้เล็งเห็นความสำคัญของการแพทย์แผนไทย และเห็นควรให้มีการจัดการศึกษาศาสตร์ ทางด้านการแพทย์แผนไทยในระดับอุดมศึกษา เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ศึกษา วิจัยและพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อ สังคมและประเทศชาติ

รองศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีในขณะนั้น ได้บรรจุหลักสูตร การแพทย์แผนไทยไว้ในช่วงเวลาแผนฯ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) ของมหาวิทยาลัยฯ หลังจากที่ได้รับการเสนอให้ มีการจัดการเรียนการสอนด้านการแพทย์แผนไทยจากรองศาสตราจารย์ ดร.สนั่น ศุภธีรสกุล จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการจัดทำหลักสูตรทางด้านการแพทย์แผนไทยในมหาวิทยาลัยฯ

พ.ศ. 2543-2544

ดำเนินการจัดทำร่างหลักสูตรการแพทย์แผนไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.วัลลภ สันติประชา รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการในขณะนั้นได้มีหนังสือไปยัง คณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะศิลปศาสตร์ เพื่อหารือ ความเป็นไปได้ในการจัดทำหลักสูตรทางด้านการแพทย์แผนไทยขึ้นในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมี ความเห็นร่วมกันว่า ควรจะมีการเริ่มดำเนินการจัดทำ "ร่างหลักสูตรการแพทย์แผนไทย" และดำเนินการเพื่อ เตรียมความพร้อมไปด้วย โดยมหาวิทยาลัยฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานจำนวน 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 คือคณะทำงานร่างหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และชุดที่ 2 คือคณะทำงานกำหนดขอบเขตเนื้อหาและคำอธิบายรายวิชาที่เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย โดยคณะทำงานดังกล่าวทั้ง 2 ชุด ได้ดำเนินการจัดทำร่างหลักสูตรการแพทย์แผนไทย จนแล้วเสร็จ ประมาณกลางปี พ.ศ. 2545 เป็นการสิ้นสุดหน้าที่

พ.ศ. 2545-2546

แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรการแพทย์แผนไทย

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรการแพทย์แผนไทย ซึ่งในขณะนั้น ใช้ชื่อว่า "หลักสูตรเวชศาสตรไทยบัณฑิต" โดยมีรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการเป็นประธานและมีกรรมการประกอบด้วยผู้แทนจากคณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ กองบริการการศึกษา กองแผนงาน และมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คือ แพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ นายแพทย์ทรงยศ ชัยชนะ นายแพทย์ชวลิต สัตติกิจรุ่งเรือง นายศักดิ์ชัย จันทร์สงเคราะห์ (แพทย์แผนไทย) และนายประกอบ อุบลขาว (แพทย์แผนไทย)โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.สนั่น ศุภธีรสกุล เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการจัดทำหลักสูตรต่อจากคณะทำงานร่างหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์ จนหลักสูตรผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการ วิทยาเขตหาดใหญ่ ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2546 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2546

พ.ศ. 2547-2548

เปิดรับนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2548

หลักสูตรเวชศาสตรไทยบัณฑิต ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย ตามการแนะนำจากที่ประชุมสภาวิชาการ และได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาวิชาการ ในคราวประชุมครั้งที่ 66 (4/2547) เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2547 ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยในคราวประชุมครั้งที่ 272 (5/2547) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ได้จัดตั้ง "โครงการจัดตั้งคณะการแพทย์แผนไทย" เพื่อรองรับการเปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย และได้เปิดรับนักศึกษารุ่นแรก ในปีการศึกษา 2548 จำนวน 56 คน

พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน

ได้รับการจัดตั้งเป็นคณะการแพทย์แผนไทย

คณะการแพทย์แผนไทยได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยที่ ประชุมสภามหาวิทยาลัย ในคราวประชุมครั้งที่ 302 (9/2550) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550 มีมติให้จัดตั้ง คณะการแพทย์แผนไทยเป็นหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประกาศ ณ วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

เนื่องจากองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์แผนไทย ค่อนข้างกระจัดกระจาย ขาดๆ หายๆ ไม่ปะติดปะต่อ ขาดการอธิบายหรือขยายความที่เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกัน และขาดการสนับสนุนด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์สุขภาพในปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าจะพัฒนาทางด้านการแพทย์แผนไทยให้เป็นที่ยอมรับ น่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจ ทั้งทางด้านองค์ความรู้และวิชาชีพ จึงจำเป็นต้องมีการวิจัย เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ที่จะมาเพิ่มเติมองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ ให้เป็นองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์แผนไทยที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น มีการเชื่อมโยงและเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น มีการพิสูจน์องค์ความรู้เดิมเพื่อให้เกิดการยอมรับมากขึ้นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างองค์ความรู้เหล่านี้ คือการสร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา จึงได้มีการจัดทำหลักสูตร การแพทย์แผนไทยมหาบัณฑิต ซึ่งได้มีการรับนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2553 และจัดให้มี หลักสูตรการแพทย์แผนไทยดุษฎีบัณฑิต ซึ่งจะเปิดรับนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2558 เพื่อรองรับการพัฒนาการศึกษา การพัฒนาความรู้และวิชาชีพด้านการแพทย์แผนไทยให้มีความชัดเจนเป็นที่ยอมรับ ไว้วางใจ และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และเป็นฐานให้กับวิชาชีพในการที่จะพัฒนาให้มีวิชาชีพเฉพาะทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต