บทความที่คล้ายกัน
-
สมุนไพร ยาไทย ใช้ได้ทุกฤดู
เวชกรรมไทย ·5 ก.ค. 2565
-
อาการตาล้า บรรเทาได้ด้วยสมุนไพร
เวชกรรมไทย ·14 มิ.ย. 2565
-
กินหมูดิบ อาจเป็นมากกว่าไข้หูดับ
เวชกรรมไทย ·2 ก.ค. 2564
-
แมลงก้นกระดก ตัวเล็กแต่แสบร้อน
เวชกรรมไทย ·22 มิ.ย. 2564
-
โรคที่มากับปลายฝนต้นหนาว
เวชกรรมไทย ·14 ธ.ค. 2563
เบญจกูล ตำรับยาประจำธาตุ ปรับธาตุให้สมบูรณ์
เบญจกูลเป็นตำรับยาที่บัญญัติอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีสรรพคุณในการใช้เป็นยาปรับธาตุ กระจาย กองลมและโลหิต บำรุงกองธาตุทั้ง 4 ให้บริบูรณ์ เป็นพิกัดยาอายุวัฒนะ เป็นภูมิปัญญาสมุนไพรที่เคยใช้ดูแลรักษาสุขภาพมานานนับพันปี
ร่ายกายเรานี้เป็นโรงงานวิเศษ รู้จักคัดแยกและดูดซึมเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไปใช้ด้วยความเหมาะสม แต่ถ้าธาตุผิดปกติเสียแล้ว ก็เหมือนเครื่องจักรกลมันชำรุด ประสิทธิภาพในการคัดเลือก แจกจ่าย มันก็เสียหาย การฟื้นฟูสุขภาพจึงต้องฟื้นฟูธาตุให้สมดุล คนโบราณจึงมักมีตำรับยาอายุวัฒนะ
อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพด้วยหลักการแพทย์แผนไทยในช่วงที่มีอากาศหนาวนี้ว่า จากทฤษฎีของแพทย์แผนไทยที่บอกว่า คนเรามีธาตุเป็นองค์ประกอบ 4 ธาตุ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟโดยการเจ็บป่วยในแต่ละช่วงฤดูกาลจะขึ้นอยู่กับการเสียสมดุลธาตุในช่วงนั้นๆ ตำรับยาเบญจกูลนี้เป็นตำรายาดั้งเดิม กล่าวไว้ในตำราการแพทย์แผนไทย ที่ช่วยบำรุงธาตุในร่างกายมนุษย์ให้สมดุล เหมือนเป็นยาอายุวัฒนะอย่างดีเมื่อร่างกายเสียความสมดุลนั่นเอง
วิธีการใช้ยาเบญจกูล (บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2556)
- ยาเบญจกูลยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด ยาลูกกลอน ยาแคปซูล (รพ.) ยาชง (รพ.) ยาเม็ด (รพ.)
- สูตรตำรับในผงยา 100 กรัม ประกอบด้วย ดอกดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน รากเจตมูลเพลิงแดง เหง้าขิงแห้ง หนักสิ่งละ 20 กรัม
- สรรพคุณ บำรุงธาตุ แก้ธาตุให้ปกติ ขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ขนาดและวิธีใช้ ชนิดชง รับประทานครั้งละ 1.5 – 2 กรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร ชนิดผง รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม – 1 กรัม วันละ 3 เวลา หลังอาหาร ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม – 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
- ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีไข้ และเด็กเล็ก
- คำเตือน ไม่ควรใช้ยานี้ในฤดูร้อน จะส่งผลให้ไฟธาตุกำเริบ, ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 7 วัน
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้ตำรับยาเบญจกูล
จากการวิจัย พบว่า ตำรับยาเบญจกูลมีฤทธิ์กระตุ้นการภูมิคุ้มกันโดยสามารถกระตุ้นการทำงานของ NK cell และกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (lymphocyte) ได้ ซึ่งหมายถึง ตำรับยาเบญจกูลนี้มีผลต่อระบบภูมิต้านทานในผู้ป่วยมะเร็ง
และนอกจากนี้ยังพบว่า ยาเม็ดจากสารสกัดตำรับเบญจกูลขนาด 100 มิลลิกรัม และขนาด 200 มิลลิกรัม รับประทานหลังอาหาร วันละ 3 เวลา ติดต่อกันเป็นเวลา 14 วัน ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของตับ การทำงานของไต ผลทางโลหิตวิทยา ระดับไขมัน ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับมาลอนอัลดีไฮด์ ตลอดทั้งอาการและอาการแสดงที่กล่าวได้ว่าเกิดจากพิษของสารสกัดตำรับเบญจกูล (ธรรมศาสตร์เวชสาร 2554;11(2):195-202.)
ดังนั้นก่อนจะใช้ยาสมุนไพรแนะนำให้ท่านไปปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์แผนไทยใกล้บ้านท่าน ก่อนที่จะเสียโอกาสและเสียเวลาที่จะต้องมารักษาอาการเจ็บป่วยหลังจากการใช้สมุนไพรที่ไม่ถูกต้อง
บทความโดย: นายบดินทร์ ชาตะเวที นักวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์